ร่างกายคนเรา ก็เปรียบเหมือนแหล่งเก็บพลังงาน เหมือนโกดัง มีแหล่งพลังงานหลักๆคือ
- ไขมัน: เก็บในรูปแบบของเซลไขมัน – มีปริมาณเยอะสุด ใช้ง่ายสุด ใช้ทั้งวัน
- แป้ง: เก็บในรูปแบบของ Glycogen ในตับและกล้ามเนื้อ มีปริมาณน้อย
- Creatine Phosphate: มีน้อยสุด แต่ใช้ได้เร็วสุด
- โปรตีน: เก็บในรูปแบบของกล้ามเนื้อ
ร่างกายของเรานั้นมักจะใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก เพราะมีจำนวนมาก (เพราะไขมันใช้ Oxygen ช่วยเผาผลาญ) แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องมีการใช้พลังงานมากๆเร็วๆ โดยที่ร่างกายใช้ Oxygen ไม่ทัน ก็จะมีการนำแหล่งอื่นๆมาใช้

มาดูตัวอย่างกัน
- เดิน ทำงานบ้าน เล่นกีฬาเบาๆ วิ่งเหยาะๆ ใช้ไขมัน เพราะหายใจทัน และไม่ได้ใช้พลังงานเยอะๆในเวลาอันสั้นกิจกรรมเหล่านี้จึงเผาผลาญไขมันได้ดี แต่เผาผลาญพลังงานน้อย (200-300 kcal ต่อชั่วโมง)
- ยกเวท วิ่งเร็วหน่อย เป็นกิจกรรมที่ใช้พลังงานเยอะในเวลาสั้นๆ พูดง่ายๆคือทำให้เรา “หายใจไม่ทัน” จึงไม่สามารถทำติดต่อกันนานๆได้ กิจกรรมเหล่านี้ ใช้แป้ง เป็นแหล่งพลังงานหลัก (ไขมันก็ใช้) กิจกรรมเหล่านี้ใช้พลังงาน 600-700 ต่อชั่วโมง หรือมากกว่านั้น และยังมี Afterburn effect (อย่างที่อธิบายไปเมื่อบทความก่อนหน้านี้)
แต่ต้องเข้าใจนิดนึงว่าหลายคนอาจจะไม่ได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องตลอด เช่น ยกเวท ก็ต้องมีพักเซ็ท และการวิ่งเร็วๆ หลายๆคนอาจจะทำได้ไม่นาน ทำให้ไม่ได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องครบ 1 ชั่วโมงตลอดครับ
- และสุดท้าย คือกิจกรรมที่ใช้พลังเยอะมากๆ ในเวลาอันสั้น เช่น ยกน้ำหนักเยอะๆ เป็นร้อยกิโล แน่นอนว่ายกได้แค่ไม่กี่ครั้งก็ต้องวาง แบบนี้จะใช้ Creatine Phosphate เป็นหลัก เพราะไขมัน หรือแป้ง “ไม่ทันใจ”

เราจะเห็นได้ว่าร่างกายมีการใช้พลังงานหลากหลาย ขึ้นอยู่กับกิจกรรม และความเร็วในการต้องการพลังงานนั้นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ
สรุป! สิ่งที่ควรจำเสมอคือ
- ไม่ว่าระหว่างการออกกำลังกาย เราจะใช้อะไร ใช้ไขมัน หรือแป้ง สุดท้าย ขอให้ได้ใช้พลังงาน ก็ลดไขมันในร่างกายได้
- ไม่ว่าระหว่างการออกกำลังกาย เราจะใช้ไขมันเยอะแค่ไหน ถ้าเรากินกลับเข้าไปเยอะๆ ก็ไม่ได้ทำให้เราหุ่นดีขึ้น (อาจจะอึดขึ้น แค่นั้น)